
มอก. คืออะไร?
มอก. เป็นคำย่อมาจากมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายถึงข้อกำหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด โดยการอนุญาตให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานจำนวน 2 แบบ คือ เครื่องหมายมาตรฐานทั่วไปและเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ
ซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก) ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อการรับจดมอก. มีหลักการ 2 ประการ คือ ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนด และผู้ผลิตมีระบบการควบคุมคุณภาพเพียงพอที่จะรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานได้อย่างสม่ำเสมอ หากมีองค์ประกอบครบถ้วนก็สามารถยื่นจด มอก. ได้
เครื่องหมายมอก. หลักๆที่พบเห็นได้ทั่วไป
มอก.เป็นคำย่อมาจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายถึงข้อกำหนดทางวิชาการที่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
โดยการอนุญาตให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานมอก.จำนวน 2 แบบ คือ
1. เครื่องหมายมอก. แบบมาตรฐานทั่วไป
เครื่องหมายมอก.มาตรฐานทั่วไป เป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่สมอ. กำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์นั้นไว้ ซึ่งผู้ผลิตจะยื่นขอการรับรองคุณภาพ (มาตรฐานทั่วไป) หรือไม่ยื่นขอการรับรองคุณภาพ (มาตรฐานทั่วไป) ก็ได้ กฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องจด มอก.เนื่องจากไม่มีผลกระทบถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นการอนุมัติรับจด มอก.เป็นภาคสมัครใจ ไม่ใช่ภาคบังคับ สำหรับตัวอย่างสินค้าเครื่องหมายมอก.มาตรฐานทั่วไป เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร น้ำปลา ซอสปรุงรส กระเบื้องซีเมนต์ใยหินแผ่นเรียบ กรดซัลฟิวริกสำหรับแบตเตอรี่ชนิดตะกั่ว-กรดทปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เป็นต้น
2. เครื่องหมายมอก. แบบมาตรฐานบังคับ
เครื่องหมายมอก.แบบมาตรฐานบังคับ เป็นเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานบังคับ ไม่จดมอก.ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย ดังนั้นการอนุมัติรับจด มอก.จึงเป็นภาคบังคับ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน อันมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยส่วนรวม และต้องมีเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ แสดงไว้ที่สินค้าด้วย สำหรับตัวอย่างสินค้าเครื่องหมายมอก.มาตรฐานบังคับ เช่น หลอดไฟฟ้า สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กเส้นกลมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ เหล็กข้ออ้อย เป็นต้น
ประโยชน์ของการจดทะเบียนหรือขอใบอนุญาต มอก.
ประโยชน์ต่อผู้ผลิต
ผู้ผลิตที่ได้รับการจดมอก.แล้ว จะต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์เครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิต ดังนี้
-
ยกระดับมาตราฐานการผลิตสินค้าตามมาตราฐานการรับจดมอก.
-
ยกระดับมาตรฐานสินค้าทำให้เพิ่มโอกาสทางการค้ามากขึ้นทั้งภาคเอกชน และภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ
-
ยกระดับความปลอดภัยในการผลิตสินค้าตามมาตรฐานการผลิตที่ดีตามมาตราฐานการรับจดมอก.
-
ยกระดับมาตรฐานการผลิตที่ดีตามมาตราฐานการรับจดมอก. ส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนทําให้สินค้ามีคุณภาพดีขึ้น และมีราคาถูกลง
-
ยกระดับมาตรฐานการผลิตที่ดีและสม่ำเสมอตามมาตราฐานการรับจดมอก. ที่ต้องมีมาตราการการผลิตที่ดีและสม่ำเสมอ
ประโยชน์ต่อผู้ผลิต
-
ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐในการควบคุมดูแลมาตรฐานของผลิตภัณฑ์และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการรับรองคุณภาพสินค้าอย่างหนึ่งที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่ได้ทำการจดมอก.แล้ว
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นคู่มืออย่างหนึ่งที่แสดงถึงคุณสมบัติและประโยชน์ใช้สอยของสินค้าที่เหมือนกันและใช้ทดแทนกันได้
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการรับรองคุณภาพสินค้าที่ดีและมีการกำหนดราคาที่เป็นธรรม
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการอ้างอิงคุณภาพสินค้าที่จะนำใช้ในต่างประเทศสำหรับการนำเข้า-ส่งออกได้ หรือเพื่อการส่งออกสินค้าและยื่นขออนุมัติรับจดมอก. ในต่างประเทศเพื่อการจำหน่ายสินค้าต่อไป
ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจส่วนรวมหรือประโยชน์ร่วมกัน
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นมาตราฐานในระดับสากลที่ใช้อ้างอิงได้ทั่วโลกเพื่อการนำเข้า ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศได้ หรือนำไปยื่นจดมอก. ในต่างประเทศได้ หรือนำเข้ามาเพื่อยื่นขอรับจด มอก.ในประเทศไทย
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการป้องกันสินค้าคุณภาพไม่ได้มาตรฐานและลักลอบนำเข้ามาจําหน่ายในประเทศ
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในภาคสาธารณสุขหรืออุตสาหกรรม
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกันในมาตราฐานของสินค้าก่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการใช้งาน
-
มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ถือเป็นการยกระดับการใช้ทรัพยากร ทําให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด สร้างโอกาสทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมและเศรษฐกกิจของประเทศ
หลักเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อขออนุญาตจด มอก.
คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก) ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อการอนุญาต ของ สมอ. มีหลักการ 2 ประการ คือ
ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเป็นไปตามที่มาตรฐานมอก. กำหนด
ผู้ผลิตมีระบบการควบคุมคุณภาพเพียงพอที่จะรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานมอก. ได้อย่างสม่ำเสมอ หลักเกณฑ์การตรวจสอบเพื่อการอนุญาตจด มอก.ประกอบด้วย
-
การดำเนินงานการตรวจสอบเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตจด มอก.
-
การตรวจติดตามภายหลังการออกใบอนุญาตจด มอก.
ประเภทของการขอรับใบอนุญาตจด มอก.
-
การขอรับใบอนุญาตมอก.ผลิตภายในประเทศเพื่อจัดจำหน่าย
-
การขอรับใบอนุญาตมอก.นำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อจัดจำหน่าย
-
การขอรับใบอนุญาตมอก.นำเข้าเฉพาะครั้ง ขอได้เฉพาะบางผลิตภัณฑ์ตามที่หลักเกณฑ์เฉพาะกำหนดไว้เท่านั้น
เงื่อนไขหลักเกณฑ์เฉพาะในการตรวจสอบเพื่อการอนุญาตจด มอก.ต้อง
พิจาณาหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
-
การขึ้นทะเบียนโรงงาน
-
โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ
-
การตรวจรับวัตถุดิบ
-
การจัดเก็บวัตถุดิบ
-
ขั้นตอนการผลิต
-
การควบคุมการผลิต
-
การตรวจคุณภาพในขบวนการผลิต
-
การตรวจคุณภาพก่อนการส่งมอบ
-
การบรรจุภัณฑ์
-
การอบรมบุคลากร
-
การควบคุมเครื่องมือวัดและทดสอบที่ใช้ในขบวนการผลิต
-
โรงงานผลิตที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 9000
-
ผู้ผลิต หรือ ผู้นำเข้า (Importer) ที่ต้องการใช้ตรา มอก. สามารถดูได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานมาตรฐานกระทรวงอุตสาหกรรม www.tisi.go.th และ หนังสือมาตรฐาน มอก.
ขั้นตอนการดำเนินงานขอจด มอก.สำหรับผู้ผลิตในประเทศ
-
ขออนุญาตผลิตจากกระทรวงอุตสาหกรรม
-
จัดเตรียมตัวอย่างเพื่อการทดสอบ (สมอ. จะกำหนด ห้อง Lab. ที่ใช้ทดสอบ)
-
จัดเตรียมการตรวจโรงงานครั้งแรก
-
ออกใบอนุญาตให้ทำการผลิตและใช้ตรา มอก. บนผลิตภัณฑ์ โดยผู้ผลิตต้องรับผิดชอบใน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น การทดสอบ ใบอนุญาตการผลิต ค่าเดินทาง ค่าตรวจโรงงานผลิตครั้งแรก ค่าตรวจติดตามผลโรงงานผลิตในปีถัดไป
-
อายุของใบอนุญาตจด มอก.
-
ใบอนุญาตการผลิตจะมีผลตลอดไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในเนื้อหามาตรฐานนั้นๆ และเจ้าหน้าที่ สมอ. จะแจ้งให้ผู้ผลิตทราบล่วงหน้า
การตรวจติดตามผล
เจ้าหน้าที่ สมอ. จะมีการตรวจติดตามผลโรงงานผลิต เริ่มจากปีถัดไป ปีละครั้ง โดยผู้ผลิตต้องรับผิดชอบใน ค่าตรวจติดตามผลโรงงานผลิตในปีถัดไป
ค่าธรรมเนียมการขอจดทะเบียนหรือขอใบอนุญาต มอก.
ค่าธรรมเนียมและรายการจดทะเบียนมอก.
ค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินการในการรับจด มอก.
ก.ค่าตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นไปตามอัตราที่สมอ.หรือหน่วยตรวจกำหนด
ข.ค่าตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นไปตามอัตราที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด
อัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆในการจด มอก.
1.ใบอนุญาตแสดงเครื่องหมาย มาตรฐาน (มาตรา 16) ราคา 3,000 บาท
2.ใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์ (มาตรา 20) ราคา 3,000 บาท
3.ใบอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์ (มาตรา 21) ราคา 3,000 บาท
4.ใบอนุญาตย้าย (มาตรา 24) ราคา 1,500 บาท
5.ใบอนุญาตโอน (มาตรา 25) ราคา 1,500 บาท
6.ใบแทนใบอนุญาต ราคา 300 บาท
ทำไมต้องใช้บริการจดทะเบียนมอก.กับเรา?
เรามีทีมงานอย่างน้อย 3-4 ท่านที่มีประสบการณ์และทำงานด้านบริการรับจด มอก.โดยเฉพาะ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยสามารถจัดเตรียมเอกสารก่อนการดำเนินการได้ครบถ้วน
เรามีประสบการณ์ในการจด มอก.และได้รับอนุมัติมาแล้วจำนวนมาก
เรามีความเชี่ยวชาญงานจดเครื่องหมายการค้า จดลิขสิทธิ์ และจดสิทธิบัตรโดยเฉพาะ และต่อมาได้มีการขยายงานออกมาเป็นการรับจด มอก. ซึ่งเป็นการอ้างอิงพื้นฐานในความเข้าใจตัวงานที่เป็นผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี
เรามีเจ้าหน้าที่รับจด มอก. และมีสถานที่ทำผลทดสอบ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยจะประสานงานให้กับท่านเพื่อประกอบในเอกสารการจด มอก.
เรามีทีมงานที่ท่านสามารถโทรสอบถามและติดตามได้ตลาดเวลา มีการแจ้งความคืบหน้าและขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้งานจด มอก.ได้รับอนุมัติ และมีทนายความให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดข้อพิพาท
เอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบสำหรับผู้ยื่นคำจดทะเบียนผลิตภัณฑ์
รายการเอกสารประกอบดังต่อไปนี้
1. คำขอ (ที่มีชื่อผู้มีอำนาจลงนามถูกต้อง)
2. แบบประกอบคำขอ
2.1 รายละเอียดต้นทุนการผลิต พร้อมบัญชีชิ้นส่วน และวัตถุดิบที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์ พร้อมแหล่งที่มา
2.2 การควบคุมคุณภาพ
2.3 แผนภูมิแสดงกรรมวิธีการทำผลิตภัณฑ์
2.4 มาตรฐานต่างประเทศ หรือมาตรฐานระหว่างประเทศ หรือข้อกำหนดรายละเอียดของหน่วยงานของรัฐที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ
2.5 รายงานผลการทดสอบ
2.6 รายชื่อผู้ทำในประเทศรายอื่น
2.7 รายชื่อหน่วยงานราชการผู้ซื้อใช้
2.8 รายชื่อผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์
3. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล/ใบทะเบียนพาณิชย์
4. สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง
5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ของผู้มีอำนาจลงนาม)
6. สำเนาทะเบียนบ้าน (ของผู้มีอำนาจลงนาม)
7. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน
(ของผู้รับมอบอำนาจ)
คู่มือการขอรับใบอนุญาต
https://www.tisi.go.th/data/stories/pdf/licensee_manual.pdf
เอกสารแบบฟอร์มการขอ มอก. + หนังสือมอบอำนาจ
https://www.tisi.go.th/images/stories/product_registration/pdf/form.pdf
คู่มือการใช้งานระบบยื่นคำขอการทำผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกและระบบแจ้งผลการทำเพื่อการส่งออก
https://www.tisi.go.th/data/standard/pdf/T_Section_20_ter1-01-2565.pdf
ขั้นตอนการขอเครื่องหมาย มอก. สำหรับผู้ผลิตในประเทศ
ขั้นตอนการขอใบอนุญาต มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) และระยะเวลาโดยเฉลี่ย มีดังนี้
1. ยื่นคำขอ (Application Submission) – ผู้ขอจะต้องเตรียมเอกสารและยื่นคำขอต่อสำนักงาน สมอ.
(สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)
เอกสารที่ต้องใช้: ได้แก่ แบบฟอร์มคำขอ, รายละเอียดข้อมูลสินค้า (เช่น สเปคสินค้าและแบบผลิตภัณฑ์), เอกสารข้อมูลบริษัท/โรงงาน, ข้อมูลระบบควบคุมคุณภาพของโรงงาน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
prolicensesolutions.com ในบางกรณีอาจมี รายงานผลการทดสอบสินค้าล่วงหน้า หรือใบรับรองมาตรฐานอื่นแนบมาด้วยเพื่อประกอบการพิจารณาเริ่มแรก.
การดำเนินการ: ยื่นคำขอผ่านระบบ e-License ของ สมอ. หรือยื่นโดยตรงที่กองรับรองมาตรฐานฯ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความครบถ้วนเบื้องต้นของเอกสารทันทีที่ได้รับคำขอ prolicensesolutions.com หากเอกสารครบถ้วนถูกต้องก็จะรับคำขอไว้ดำเนินการต่อไป.
ระยะเวลา: การตรวจรับคำขอเบื้องต้นใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปประมาณ 1 วันทำการ หากเอกสารถูกต้องครบถ้วน
prolicensesolutions.com (กรณียื่นผ่านระบบออนไลน์โดยมีขั้นตอนตรวจสอบหลายส่วน อาจใช้เวลาประมาณ
1-2 สัปดาห์ จนได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่ขั้นตอนถัดไป) jjrlab.com
2. ตรวจสอบเอกสาร (Document Review) – หลังยื่นคำขอ สมอ. จะทำการตรวจสอบรายละเอียดเอกสารทุกฉบับและประเมินข้อมูลเบื้องต้น
เจ้าหน้าที่จะตรวจความถูกต้องครบถ้วนของ ข้อมูลทางเทคนิคของสินค้า และ ข้อมูลระบบควบคุมคุณภาพของโรงงาน ที่ยื่นมา เพื่อพิจารณาว่าสินค้าเข้าสู่กระบวนการทดสอบและตรวจประเมินได้หรือไม่ (หากพบจุดใดไม่ครบถ้วนจะมีการแจ้งให้ผู้ขอยื่นข้อมูลเพิ่มเติม). โดยปกติขั้นตอนนี้ยังไม่มีเอกสารใหม่ที่ผู้ขอต้องจัดส่งเพิ่มเติม เว้นแต่กรณีที่เจ้าหน้าที่ร้องขอข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติม.
ระยะเวลา: การตรวจสอบเอกสารและประเมินข้อมูลเบื้องต้นใช้เวลาประมาณ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ (ประมาณ 5 วันทำการ เมื่อเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์)
prolicensesolutions.com หากเอกสารยังไม่ครบและต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม ขั้นตอนนี้อาจยืดเยื้อออกไปอีกหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ตามเวลาที่ใช้ในการแก้ไขเอกสารของผู้ขอ.
3. ตรวจโรงงาน (Factory Inspection) – เป็นการตรวจประเมินสถานที่ผลิตสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าโรงงานมีระบบการผลิตและการควบคุมคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน
รายละเอียด: สำหรับสินค้าที่อยู่ในมาตรฐานบังคับ จะต้องมีการตรวจสอบโรงงานผู้ผลิตโดยเจ้าหน้าที่ สมอ. หรือหน่วยตรวจสอบที่ได้รับมอบหมาย เพื่อตรวจประเมินกระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ และเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ให้สอดคล้องตามข้อกำหนดมาตรฐาน siamdevelopment.com ผู้ขอจำเป็นต้องจัดเตรียมความพร้อมของโรงงานในการรับการตรวจ เช่น จัดเตรียมคู่มือคุณภาพ แผนผังกระบวนการผลิต บันทึกการตรวจสอบคุณภาพ และอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ขณะตรวจสอบ.
เอกสาร/การดำเนินการพิเศษ: หากโรงงานตั้งอยู่ในต่างประเทศ ผู้ขอต้องประสานงานนัดหมายให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจ ณ โรงงานนั้น และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจโรงงาน (ค่าเดินทาง เป็นต้น) ที่ค่อนข้างสูงและยุ่งยากสำหรับบางกรณีตามที่ผู้ประกอบการรายย่อยหลายรายกังวล pantip.com อย่างไรก็ตาม หากโรงงานมีใบรับรองระบบบริหารคุณภาพอยู่แล้ว (เช่น ISO 9001) หรือเคยผ่านการตรวจประเมินจาก สมอ. และขึ้นทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ ผู้ขอสามารถยื่นหลักฐานดังกล่าวเพื่อใช้ทดแทนการตรวจโรงงานบางส่วนได้ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการตรวจลงอย่างมาก siamdevelopment.com (กรณีสินค้าที่ความเสี่ยงต่ำและโรงงานมี ISO 9001 สมอ. อาจยอมรับใบรับรองนั้นแทนการตรวจเต็มรูปแบบ).
ระยะเวลา: การดำเนินการตรวจโรงงานขึ้นอยู่กับความพร้อมในการนัดหมายและที่ตั้งของโรงงาน โดยทั่วไปการนัดหมายและตรวจจริงรวมถึงจัดทำรายงานผลใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ ในกรณีโรงงานในประเทศ (หากเป็นต่างประเทศอาจเพิ่มเวลาในการจัดการเดินทางและตารางเวลาของคณะผู้ตรวจ). หากโรงงานมีใบรับรองคุณภาพที่ยอมรับได้และสามารถยกเว้นการตรวจบางส่วน ขั้นตอนนี้จะรวดเร็วขึ้นมาก (อาจเหลือเพียงการตรวจเอกสารใบรับรองแทนการลงพื้นที่ตรวจ) siamdevelopment.com
4. ทดสอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์ (Product Sample Testing) – การนำสินค้าตัวอย่างไปผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่กำหนดในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับ
รายละเอียด: ตัวอย่างสินค้าจะถูกส่งไปทดสอบคุณสมบัติและความปลอดภัยต่างๆ ที่ห้องปฏิบัติการของ สมอ.
หรือห้องทดลองที่ได้รับการรับรอง ตามประเภทมาตรฐานของสินค้านั้นๆ เพื่อยืนยันว่าสินค้าสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัย/คุณภาพทุกประการ siamdevelopment.com การทดสอบอาจครอบคลุมทั้งการทดสอบทางกล เคมี ไฟฟ้า หรืออื่นๆ ตามลักษณะผลิตภัณฑ์. ผู้ขอต้องส่งมอบตัวอย่างสินค้า
พร้อมเอกสารคำร้องขอทดสอบ และชำระค่าธรรมเนียมการทดสอบให้แก่ห้องปฏิบัติการ สมอ.
(หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ก่อนเริ่มการทดสอบจริง
หมายเหตุ: ในทางปฏิบัติ ขั้นตอนการตรวจโรงงาน (ข้อ 3) และการทดสอบตัวอย่างสินค้า (ข้อ 4) มักดำเนินการควบคู่กันไปได้เพื่อประหยัดเวลา – เมื่อยื่นคำขอและเอกสารพร้อมแล้ว สมอ. อาจแจ้งให้ผู้ขอนำส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบควบคู่ไปกับการนัดตรวจโรงงาน ไม่จำเป็นต้องทำเรียงลำดับทีละขั้นตอนเสมอไป (เพื่อให้ผลการทดสอบและรายงานตรวจโรงงานเสร็จใกล้เคียงกัน) jjrlab.com
ระยะเวลา: ระยะเวลาการทดสอบขึ้นอยู่กับชนิดสินค้าและความซับซ้อนของวิธีทดสอบ รวมถึงคิวงานของห้องทดลอง ในกรณีทั่วไปมักใช้เวลาประมาณ 2–4 สัปดาห์ จึงจะทราบผลทดสอบครบถ้วน (หากการทดสอบซับซ้อนหรือห้องทดลองมีงานคิวมาก อาจนานกว่านี้). ตัวอย่างเช่น การขอ มอก. สำหรับสินค้าประเภทพัดลมไฟฟ้าพบว่ากระบวนการทดสอบใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จากกรอบระยะเวลากระบวนการทั้งหมดประมาณ 3 เดือน jjrlab.com
(แบ่งเป็น ~1 เดือนเตรียมการก่อนทดสอบ, ~1 เดือนช่วงทดสอบ, และ ~1 เดือนดำเนินการหลังทดสอบตามลำดับ)
5. อนุมัติและออกใบรับรองมาตรฐาน (Approval & Certification Issuance) – ขั้นสุดท้ายคือการพิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมาย มอก. บนสินค้า
รายละเอียด: เมื่อสินค้าผ่านการตรวจสอบครบทุกด้าน (เอกสารถูกต้อง, โรงงานมีมาตรฐาน, สินค้าผ่านการทดสอบ) ทาง สมอ. จะสรุปผลการประเมินทั้งหมดเสนอต่อ คณะกรรมการมาตรฐานฯ ที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาต. หากได้รับอนุมัติ ผู้ขอต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและดำเนินการตามเงื่อนไขท้ายใบอนุญาต (เช่น จัดทำ รูปแบบการติดโลโก้มอก.และ QR Code บนผลิตภัณฑ์ตามที่กำหนด) จากนั้น สมอ. จะออก ใบอนุญาต มอก. (ใบรับรอง) อย่างเป็นทางการให้แก่ผู้ขอ
ระยะเวลา: หลังได้ผลการทดสอบและรายงานตรวจโรงงานครบถ้วน ขั้นตอนการอนุมัติและออกใบอนุญาตมักใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ (โดยประมาณ 7-10 วันทำการ สำหรับการนำเรื่องเข้าอนุมัติและจัดพิมพ์ใบอนุญาต)
prolicensesolutions.com กรณีที่เอกสารทุกอย่างสมบูรณ์และกระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งกระบวนการตั้งแต่ยื่นคำขอจนได้รับใบอนุญาตจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ (ประมาณ 15 วันทำการ)
prolicensesolutions.com อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติพบว่าหลายกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้น (เช่น หลายเดือนในกรณีต้องรอการทดสอบหรือการตรวจโรงงานนานๆ) ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ขอและความยุ่งยากของมาตรฐานผลิตภัณฑ์นั้นๆ jjrlab.com
โดยสรุป เอกสารสำคัญ ที่ต้องใช้จะประกอบด้วยแบบฟอร์มคำขอและหลักฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์, เอกสารด้านคุณภาพของโรงงาน (เช่น ISO หรือคู่มือคุณภาพ), ตัวอย่างสินค้า สำหรับทดสอบ, และหลักฐานชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ในแต่ละขั้นตอนตามที่กำหนดไว้. ระยะเวลารวมตามปกติ หากทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่นจะอยู่ที่ประมาณ 1 เดือน แต่ควรวางแผนเผื่อไว้ที่ 2-3 เดือน สำหรับกระบวนการทั้งหมด เพื่อรองรับกรณีที่มีการแก้ไขเอกสารหรือรอคิวการตรวจ/ทดสอบ jjrlab.com (ทั้งนี้สินค้าแต่ละประเภทอาจมีความเร็วช้าต่างกัน).